วันอังคารที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

สายพันธุ์หนูแฮมเตอร์

แฮมสเตอร์พันธุ์ยุโรป (European Hamster) เป็นพันธุ์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในบรรดาแฮมสเตอร์ทั้งหมด คือมีขนาดเกือบเท่ากระต่าย แต่ไม่เป็นที่นิยมเลี้ยงกันเพราะว่ามีนิสัยค่อนข้างดุ และไม่สามารถเลี้ยงให้เชื่องได้ แม้จะลองนำมาเลี้ยงในสวนสัตว์แล้วก็ตาม
แฮมสเตอร์พันธุ์ซีเรีย (Syrian Hamster)
เป็นพันธุ์ขนาดกลางเมื่อโตเต็มที่แล้วขนาดจะอยู่ที่ราว 15 ซม. เท่านั้นพันธุ์ซีเรียนี้มีทั้งแบบขนสั้น ขนยาว และหลากหลายสีสัน พันธุ์ซีเรียสามารถเลี้ยงให้เชื่องได้หากเราให้ความเอาใจใส่เป็นพิเศษ เมื่อเรานำเขามาเลี้ยง
แฮมเตอร์พันธุ์แคระ (Dwarf Hamster)
เป็นพันธุ์ที่มีขนาดเล็กที่สุด แล้วก็แคระ สมชื่อด้วยความยาวขณะโตเต็มที่แล้วเพียง 7 ซม. เท่านั้น แฮมสเตอร์แคระสามารถแบ่งแยกย่อยได้อีก 3 ชนิดดังนี้
พันธุ์ไชนีสแคระ (Dwarf Chinese Hamster)
ลักษณะหัวและลำตัวค่อนข้างยาว และเพรียวกว่าแฮมสเตอร์แคระพันธุ์อื่นๆ ส่วนลักษณะของเท้าก็เป็นแบบเดียวกันกับแฮมสเตอร์พันธุ์ซีเรีย คือไม่ค่อยมีขนปกคลุม แต่จะมีหางที่ยาวกว่าพันธุ์ซีเรียอยู่เล็กน้อย มีสีตามธรรมชาติเพียง 2 สีเท่านั้น
พันธุ์แคมเบล รัสเซียน แคระ (Dwarf Campbell's Russian Hamster)
มีลักษณะคล้ายกับพันธุ์วินเทอร์ ไวท์ รัสเซียนแคระ มากแต่ว่าจะมีขนาดตัวใหญ่กว่าเล็กน้อย ลักษณะโดยทั่วไปคือ หน้าสั้นทู่ ตัวเป็นทรงกลม ขนแน่น นุ่มและเป็นมันเงาปกคลุมทั่วทั้งลำตัว เท้า และ คลุมหางที่กุดสั้นของมัน
พันธุ์วินเทอร์ ไวท์ รัสเซียน แคระ (Dwarf Winter White Russian Hamster)มีลักษณะคล้ายกับพันธุ์แคมเบล รัสเซียน แคระ เล็กน้อย แต่มีขนาดตัวเล็กกว่า และหน้าจะสั้นทู่กว่าพันธุ์แคมเบล รัสเซียน แคระอยู่เล็กน้อย (แฮมสเตอร์หน้ายิ่งสั้นเท่าไหร่จะน่ารักมาก)แต่ลักษณะที่แตกต่างคือโดยธรรมชาติแล้วจะเปลี่ยนสีขนเป็นสีขาวดุจหิมะเมื่ออยู่ในที่ที่มีอากาศเย็นเป็นแฮมสเตอร์ที่มีลักษณะน่ารักเป็นพิเศษ น่ารักและเป็นมิตรกว่าพันธุ์อื่นๆ
พันธุ์โรโบรอฟสกี้ (Dwarf Roborovski)เป็นหนูแฮมสเตอร์แคระที่มีขนาดเล็กที่สุด โตเต็มที่ยาวประมาณ 2 นิ้ว (4-5 ซม.) หน้าตาจะไม่เหมือนกันกับพันธุ์อื่นๆ สีของลำตัวจะมีสีคล้ายทรายในทะเลทรายเพื่อพรางตัวจากศัตรู มีดวงตากลมโต มีนิสัยตื่นตัวอยู่เสมอ วิ่งเร็วกว่าพันธุ์อื่นๆ ผู้เลี้ยงส่วนใหญ่นิยมใช้ฝุ่นภูเขาไฟสำหรับชินชิลล่าสำหรับทำความสะอาด

ลักษณะนิสัยของหนูแฮมเตอร์

หนูแฮมสเตอร์ 
หนูแฮมสเตอร์เป็นสัตว์ที่น่ารัก เป็นสัตว์ที่ออกจะขี้อาย แต่ก็มีความอยากรู้อยากเห็นอยู่ในตัวค่ะ
หนูแฮมสเตอร์นี่จะชอบนอนเวลากลางวันแล้วก็ตื่นออกมาวิ่งเล่นในเวลากลางคืนค่ะ ซึ่งไม่แปลกเลยสำหรับหนูทั่วๆไป
และก็ชอบอมอาหารไว้ที่แก้มของเขา โดยที่แก้มของเขาจะมีคุณสมบัติที่ขยายได้ เพื่อเก็บและกักตุนอาหารที่ออกไปหามาได้
ในตอนกลางคืน(ตามธรรมชาติ)โดยเมื่อเขาได้ยินเสียง ได้เห็นอะไร หรือได้กลิ่นแปลกๆ ก็จะหยุดนิ่งและจ้องมองไปทางนั้น
ใบหูของเขานั้นก็จะ ตั้งชันขึ้นแสดงอาการอยากรู้อยากเห็นขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด
หนูแฮมสเตอร์จะมีทั้งที่นิสัยดุร้ายและ ก็ที่นิสัยไม่ดุร้ายค่ะ อันนี้ก็ต้องขึ้นอยู่ที่สายพันธุ์ของเขาแต่ก็ใช่ว่า
สายพันธุ์ที่ดุจะดุไปหมดทุกๆตัว และสายพันธุ์ที่ไม่ดุก็ยังอาจจะมีตัวที่มีนิสัยที่ดุด้วยเช่นกันค่ะ

  • เมื่อเจ้าหนู คุ้นเคยกับเรา
    เมื่อหนูแฮมสเตอร์ นั้นเริ่มคุ้นเคยกับเรามากๆแล้ว ก็ ต่อไปก็เป็นเรื่อง ง่ายที่จะจับเขาออกมาเล่น นอกกรง โดยที่
    เมื่อ สนิทกันแล้ว เมื่อเรียกชื่อเท่านั้น เจ้าหนูของเราก็ จะวิ่งมา รอหน้าทางออก และเมื่อเราเอามือลงไปแล้ว
    เขาก็จะไม่รีรอที่จะเข้ามาปีนขึ้นมาบนมือของเรา ซึ่งสำหรับสายพันธุ์วินเทอร์ไวท์ นั้นเป็นเรื่องง่ายมากที่ทำความคุ้นเคย
    หรือตีสนิทด้วย เพราะจุดเด่นของสายพันธุ์นี่ก็เป็นพันธุ์ที่เชื่องอยู่ในตัวแล้วค่ะ

  • นอนทั้งวัน 
    หนูแฮมสเตอร์ นอนในตอนกลางวัน อาจจะดูแปลกๆ ค่ะ แต่ที่จริงแล้วเป็นลักษณะนิสัยเฉพาะของสัตว์ประเภทนี้ค่ะ
    หนูแฮมสเตอร์มักจะนอนในตอนกลางวัน แล้วก็จะตื่นออกมาวิ่งเล่นในตอนกลางคืนค่ะ นอกจากนั้นก็จะออกมาหาอาหารกินอีกด้วยค่ะ
    โดยเขาจะตุนอาหารไว้ที่แก้มเพื่อเก็บไว้กินภายหลังค่ะ ส่วนในตอนกลางวันนั้น ท่านอนต่างๆที่แสดงออกมาให้เพื่อนๆและเจ้าของเห็น
    ก็อาจจะสร้างเสียงหัวเราะให้กับคุณได้ค่ะ ไม่ว่าจะเป็นท่านอนหงายในถ้วยหรือส่วนใหนส่วนหนึ่งของกรงและเขาก็จะนอนแบบนั้น
    หรือท่านั้นบ่อยๆ จนเป็น นิสัยและเอกลักษณ์เฉพาะตัว

    โดยธรรมชาติ หนูต่างๆ จะออกหาอาหารกินในเวลากลางคืน และนั่นก็รวมทั้งหนูแฮมสเตอร์ด้วยค่ะ
    โดยธรรมชาติหนูแฮมสเตอร์จะออกหาอาหารในเวลากลางคืนค่ะ ที่เป็นเช่นนั้นก็เพื่อความปลอดภัยแก่ตัวของเขาเอง
    เพราะว่าในเวลากลางวันมักจะมีภัยอันตรายต่าง ๆจากสัตรู นอกจากนี้การออกอาหารในเวลากลางคืน โดยลักษณะพิเศษของหนูแฮมสเตอร์
    ที่มีกระพุ้งแก้มที่สามารถกักตุนอาหารค่ะ โดยเมื่อหนูแฮมสเตอร์ออกมาหาอาหารแล้วกักตุนอาหาร เพื่อเอากลับไปเก็บไว้กินในเวลากลางวัน
    และมีดวงตาที่กลมโต ซึ่งสามารถมองได้กว้าง เพื่อจะได้หลบหลีกสัตรูได้ทัน


  • วันอังคารที่ 8 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

    ท่าทางหนูแฮมเตอร์

    นอกจากเสียงร้องแล้ว ท่าทางของเจ้าตัวน้อยก็เป็นการสื่อสารอีกอย่างหนึ่งที่มันต้องการทำให้เราเข้าใจมัน
    กัดแทะกรง : แสดงว่าเจ้าตัวน้อยของเราอยากออกมาเล่นข้างนอก หรือมานั่งแทะเพื่อลับฟันหรือต้องการจะขออะไร
    เราซักอย่าง
    .ยืน 2 ขา หูตั้ง : เจ้าตัวน้อยกำลังต้องการฟัง หรือสนใจอะไรบางอย่างเป็นพิเศษ
    วิ่งไปวิ่งมา กระโดดๆ ที่รอบกรง : อย่างออกมาเที่ยวข้างนอกหรือกำลังเรียกร้องความสนใจเรา
    เอามือจับอาหารเข้าปาก : เจ้าตัวน้อยกำรังกินอาหาร ซึ่งเป็นวิธีการของเจ้าตัวน้อยที่จะเอาอาหารเข้าปากทำความสะอาดตัว : เจ้าตัวน้อยชอบไซร้ขนเพื่อทำความสะอาดตัว ส่วนบริเวณหัวจะเอามือแปะน้ำลายแล้วป้ายๆเพื่อทำ
    ความสะอาดบริเวณหัว
    ปีนป่าย : เจ้าตัวน้อยชอบปีนนั่นปีนนี่ เพื่อหาทางที่จะออกมาเที่ยวข้างนอกนอนหลับ : เจ้าตัวน้อยมักมีท่านอนแบบแปลกๆ ซึ่งจะแตกต่างกันไป ดูแล้วก็น่ารักน่าเอ็นดูงัวเงีย : เจ้าตัวน้อยพึ่งตื่นนอนมักทำตาปรือๆ หูจะลูไปด้านหลัง ถ้าเราไปแหย่มันตอนนี้มีหวังโดนกัดแน่ๆ เลยยอมแพ้หรือกลัว : เจ้าตัวน้อยมักจะนอนหงายท้องและร้องเสียงดังๆ หรือร้องขู่ฟ่อๆ บางตัวอาจกัดฟันดังกึกๆ ถ้ามันกำลัง
    โมโหจัดๆ
    ตะปบ : เจ้าตัวน้อยสายพันธุ์ Campbell มักมีสัยเอาเท้าหน้ามาตะปบๆ ที่มือของเราเมื่อเอามือแหย่เข้าไปเล่นกับมันดมกลิ่น : เจ้าตัวน้อยตัวเก่าที่เป็นเจ้าของกรงมักจะชอบเข้าไปดมกลิ่นของเจ้าตัวน้อยตัวใหม่ที่เราปล่อยให้เข้าไปในกรง
    ของมัน เพื่อพิสูจน์ว่าเป็นมิตรหรือเป็นศัตรู
    เล่นกัน : เจ้าตัวมักชอบหยอกล้อเล่นกัน บางทีหยอกกันแรงๆ จนกัดกันก็มีผสมพันธุ์ : เจ้าตัวน้อยตัวผู้จะเข้าไปดมก้นตัวเมียก่อน และเลียที่อวัยวะเพศของตัวเมีย หากตัวเมียไม่ยอมมันจะหงาย
    ท้องและร้อง แต่ถ้าตัวเมียยอมมันจะยกก้นขึ้นให้ตัวผู้ทับ
    ทำรัง :
    เจ้าตัวเมียจะคาบทิชชูแล้วพยายามกัดทิชชูให้เป็นฝอยๆ แล้วทำรัง โดยรังลักษณะมีรูตรงกลาง
    ให้นมลูก : เจ้าตัวน้อยนอนครอบลูกโดยให้ลูกอยู่ข้างล่าง เพื่อให้ลูกดูดนมได้ทั่ว





    โรคหนูแฮมเตอร์

     

    ขนร่วง การที่หนูแฮมสเตอร์ขนร่วงก็อาจจะมีสาเหตุมาจาก กรงไม่สะอาด อากาศร้อน อับชื้น หรือเกิอจากมีอายุมาก
    หรือเครียดมากๆ
    .วิธีดูแลเบื้องต้น.ใช้เยนเซี่ยนไวโอเล็ต (ที่ทาปากเด็ก สีม่วงๆ ขวดละ 8 บาท) ทาทุกเช้าเย็น อาการจะดีขึ้น
    ทาบิเวณรอบๆแผลที่มีขนด้วยกันลาม การที่หนูขนร่วงไม่เป็นเรื่องร้ายแรงแต่ถ้าปล่อยไว้ไม่รีบรักษา อาจจะลามได้

     โรคหางเปียก เกิดจากอาหารเป็นพิษ บวกด้วยอากาศร้อน และความไม่สะอาด หรือเกิดการเครียดมากๆ เช่น เปลี่ยน
    ที่อยู่ใหม่ อาการของโรค จะเริ่มต้นที่ท้องเสียก่อน และจะหนักขึ้นเรื่อยๆ จนกลายเป็นโรคหางเปียก ลักษณอาการนั้นจะทำให้หนูขาดน้ำ
    กนอาหารไม่ได้ และก็เสียชีวิตในที่สุด


    โรคท้องเสีย อาการของโรคท้องเสียก็เหมือนหรือคล้ายๆกับโรคหางเปียก


    โรคเนื้องอก เป็นอีกโรคหนึ่งถ้าไม่พาไปหาหมอแล้วอาจจะถึงกับตายได้ โรคนี้มักเกิดกับหนูที่มีอายุมาก หรือมีลูกบ่อย
    หลายคอกติดๆ กัน อาการของโรคนี้จะเป็นก้อนเนื้อแข็งๆ เป็นก้อนกลมๆ อยู่ที่ใต้ท้อง / โคนขา หรือตรงนม ก้อนเนื้อที่โผล่ออกมา
    สามารถเห็นได้ชัดเจน


    ขี้เรื้อน โรคนี้คล้ายๆกับเป็นรังแค เหมือนกับหนังที่แห้งและลอกออกเป้นแผ่นๆ เกิดจากอากาศร้อน ขี้เลื่อยไม่สะอาด
    หรือสภาพร่างกายไม่สมบูรณ์ โรคนี้มักจะเกิดกับหนูที่อายุน้อยๆ ประมาณ2 อาทิตย์กว่าๆ -1 เดือน
    สังเกตุอย่างไรว่าแฮมสเตอร์ป่วยแฮมสเตอร์เป็นสัตว์ที่ไม่ค่อยป่วย อาการที่บงบอกว่าแฮมสเตอร์ป่วย ได้แก่

    1.นอนมากเกินปกติ ยกเว้นในแฮมสเตอรที่แก่แล้ว
    2.ไม่ค่อยทำความสะอาดตัวเอง ตัวค่อนข้างสกปรก ขนค่อนข้างยุ่ง
    3.ซึมเศร้า
    4.หงุดหงิดง่าย และมักหางเปียก
    5.ท้องเสีย
    6.ขนร่วงมีน้ำมูกน้ำตาไหล หรือเกาบ่อยเกินไป
    7.เดินกระเผลก
    8.มีบาดแผล
    9.ตาเจ็บ มีขี้ตา ลืมตาไม่ขึ้น
    10.ผอมหายใจลำบาก