วันอังคารที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

สายพันธุ์หนูแฮมเตอร์

แฮมสเตอร์พันธุ์ยุโรป (European Hamster) เป็นพันธุ์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในบรรดาแฮมสเตอร์ทั้งหมด คือมีขนาดเกือบเท่ากระต่าย แต่ไม่เป็นที่นิยมเลี้ยงกันเพราะว่ามีนิสัยค่อนข้างดุ และไม่สามารถเลี้ยงให้เชื่องได้ แม้จะลองนำมาเลี้ยงในสวนสัตว์แล้วก็ตาม
แฮมสเตอร์พันธุ์ซีเรีย (Syrian Hamster)
เป็นพันธุ์ขนาดกลางเมื่อโตเต็มที่แล้วขนาดจะอยู่ที่ราว 15 ซม. เท่านั้นพันธุ์ซีเรียนี้มีทั้งแบบขนสั้น ขนยาว และหลากหลายสีสัน พันธุ์ซีเรียสามารถเลี้ยงให้เชื่องได้หากเราให้ความเอาใจใส่เป็นพิเศษ เมื่อเรานำเขามาเลี้ยง
แฮมเตอร์พันธุ์แคระ (Dwarf Hamster)
เป็นพันธุ์ที่มีขนาดเล็กที่สุด แล้วก็แคระ สมชื่อด้วยความยาวขณะโตเต็มที่แล้วเพียง 7 ซม. เท่านั้น แฮมสเตอร์แคระสามารถแบ่งแยกย่อยได้อีก 3 ชนิดดังนี้
พันธุ์ไชนีสแคระ (Dwarf Chinese Hamster)
ลักษณะหัวและลำตัวค่อนข้างยาว และเพรียวกว่าแฮมสเตอร์แคระพันธุ์อื่นๆ ส่วนลักษณะของเท้าก็เป็นแบบเดียวกันกับแฮมสเตอร์พันธุ์ซีเรีย คือไม่ค่อยมีขนปกคลุม แต่จะมีหางที่ยาวกว่าพันธุ์ซีเรียอยู่เล็กน้อย มีสีตามธรรมชาติเพียง 2 สีเท่านั้น
พันธุ์แคมเบล รัสเซียน แคระ (Dwarf Campbell's Russian Hamster)
มีลักษณะคล้ายกับพันธุ์วินเทอร์ ไวท์ รัสเซียนแคระ มากแต่ว่าจะมีขนาดตัวใหญ่กว่าเล็กน้อย ลักษณะโดยทั่วไปคือ หน้าสั้นทู่ ตัวเป็นทรงกลม ขนแน่น นุ่มและเป็นมันเงาปกคลุมทั่วทั้งลำตัว เท้า และ คลุมหางที่กุดสั้นของมัน
พันธุ์วินเทอร์ ไวท์ รัสเซียน แคระ (Dwarf Winter White Russian Hamster)มีลักษณะคล้ายกับพันธุ์แคมเบล รัสเซียน แคระ เล็กน้อย แต่มีขนาดตัวเล็กกว่า และหน้าจะสั้นทู่กว่าพันธุ์แคมเบล รัสเซียน แคระอยู่เล็กน้อย (แฮมสเตอร์หน้ายิ่งสั้นเท่าไหร่จะน่ารักมาก)แต่ลักษณะที่แตกต่างคือโดยธรรมชาติแล้วจะเปลี่ยนสีขนเป็นสีขาวดุจหิมะเมื่ออยู่ในที่ที่มีอากาศเย็นเป็นแฮมสเตอร์ที่มีลักษณะน่ารักเป็นพิเศษ น่ารักและเป็นมิตรกว่าพันธุ์อื่นๆ
พันธุ์โรโบรอฟสกี้ (Dwarf Roborovski)เป็นหนูแฮมสเตอร์แคระที่มีขนาดเล็กที่สุด โตเต็มที่ยาวประมาณ 2 นิ้ว (4-5 ซม.) หน้าตาจะไม่เหมือนกันกับพันธุ์อื่นๆ สีของลำตัวจะมีสีคล้ายทรายในทะเลทรายเพื่อพรางตัวจากศัตรู มีดวงตากลมโต มีนิสัยตื่นตัวอยู่เสมอ วิ่งเร็วกว่าพันธุ์อื่นๆ ผู้เลี้ยงส่วนใหญ่นิยมใช้ฝุ่นภูเขาไฟสำหรับชินชิลล่าสำหรับทำความสะอาด

ลักษณะนิสัยของหนูแฮมเตอร์

หนูแฮมสเตอร์ 
หนูแฮมสเตอร์เป็นสัตว์ที่น่ารัก เป็นสัตว์ที่ออกจะขี้อาย แต่ก็มีความอยากรู้อยากเห็นอยู่ในตัวค่ะ
หนูแฮมสเตอร์นี่จะชอบนอนเวลากลางวันแล้วก็ตื่นออกมาวิ่งเล่นในเวลากลางคืนค่ะ ซึ่งไม่แปลกเลยสำหรับหนูทั่วๆไป
และก็ชอบอมอาหารไว้ที่แก้มของเขา โดยที่แก้มของเขาจะมีคุณสมบัติที่ขยายได้ เพื่อเก็บและกักตุนอาหารที่ออกไปหามาได้
ในตอนกลางคืน(ตามธรรมชาติ)โดยเมื่อเขาได้ยินเสียง ได้เห็นอะไร หรือได้กลิ่นแปลกๆ ก็จะหยุดนิ่งและจ้องมองไปทางนั้น
ใบหูของเขานั้นก็จะ ตั้งชันขึ้นแสดงอาการอยากรู้อยากเห็นขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด
หนูแฮมสเตอร์จะมีทั้งที่นิสัยดุร้ายและ ก็ที่นิสัยไม่ดุร้ายค่ะ อันนี้ก็ต้องขึ้นอยู่ที่สายพันธุ์ของเขาแต่ก็ใช่ว่า
สายพันธุ์ที่ดุจะดุไปหมดทุกๆตัว และสายพันธุ์ที่ไม่ดุก็ยังอาจจะมีตัวที่มีนิสัยที่ดุด้วยเช่นกันค่ะ

  • เมื่อเจ้าหนู คุ้นเคยกับเรา
    เมื่อหนูแฮมสเตอร์ นั้นเริ่มคุ้นเคยกับเรามากๆแล้ว ก็ ต่อไปก็เป็นเรื่อง ง่ายที่จะจับเขาออกมาเล่น นอกกรง โดยที่
    เมื่อ สนิทกันแล้ว เมื่อเรียกชื่อเท่านั้น เจ้าหนูของเราก็ จะวิ่งมา รอหน้าทางออก และเมื่อเราเอามือลงไปแล้ว
    เขาก็จะไม่รีรอที่จะเข้ามาปีนขึ้นมาบนมือของเรา ซึ่งสำหรับสายพันธุ์วินเทอร์ไวท์ นั้นเป็นเรื่องง่ายมากที่ทำความคุ้นเคย
    หรือตีสนิทด้วย เพราะจุดเด่นของสายพันธุ์นี่ก็เป็นพันธุ์ที่เชื่องอยู่ในตัวแล้วค่ะ

  • นอนทั้งวัน 
    หนูแฮมสเตอร์ นอนในตอนกลางวัน อาจจะดูแปลกๆ ค่ะ แต่ที่จริงแล้วเป็นลักษณะนิสัยเฉพาะของสัตว์ประเภทนี้ค่ะ
    หนูแฮมสเตอร์มักจะนอนในตอนกลางวัน แล้วก็จะตื่นออกมาวิ่งเล่นในตอนกลางคืนค่ะ นอกจากนั้นก็จะออกมาหาอาหารกินอีกด้วยค่ะ
    โดยเขาจะตุนอาหารไว้ที่แก้มเพื่อเก็บไว้กินภายหลังค่ะ ส่วนในตอนกลางวันนั้น ท่านอนต่างๆที่แสดงออกมาให้เพื่อนๆและเจ้าของเห็น
    ก็อาจจะสร้างเสียงหัวเราะให้กับคุณได้ค่ะ ไม่ว่าจะเป็นท่านอนหงายในถ้วยหรือส่วนใหนส่วนหนึ่งของกรงและเขาก็จะนอนแบบนั้น
    หรือท่านั้นบ่อยๆ จนเป็น นิสัยและเอกลักษณ์เฉพาะตัว

    โดยธรรมชาติ หนูต่างๆ จะออกหาอาหารกินในเวลากลางคืน และนั่นก็รวมทั้งหนูแฮมสเตอร์ด้วยค่ะ
    โดยธรรมชาติหนูแฮมสเตอร์จะออกหาอาหารในเวลากลางคืนค่ะ ที่เป็นเช่นนั้นก็เพื่อความปลอดภัยแก่ตัวของเขาเอง
    เพราะว่าในเวลากลางวันมักจะมีภัยอันตรายต่าง ๆจากสัตรู นอกจากนี้การออกอาหารในเวลากลางคืน โดยลักษณะพิเศษของหนูแฮมสเตอร์
    ที่มีกระพุ้งแก้มที่สามารถกักตุนอาหารค่ะ โดยเมื่อหนูแฮมสเตอร์ออกมาหาอาหารแล้วกักตุนอาหาร เพื่อเอากลับไปเก็บไว้กินในเวลากลางวัน
    และมีดวงตาที่กลมโต ซึ่งสามารถมองได้กว้าง เพื่อจะได้หลบหลีกสัตรูได้ทัน


  • วันอังคารที่ 8 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

    ท่าทางหนูแฮมเตอร์

    นอกจากเสียงร้องแล้ว ท่าทางของเจ้าตัวน้อยก็เป็นการสื่อสารอีกอย่างหนึ่งที่มันต้องการทำให้เราเข้าใจมัน
    กัดแทะกรง : แสดงว่าเจ้าตัวน้อยของเราอยากออกมาเล่นข้างนอก หรือมานั่งแทะเพื่อลับฟันหรือต้องการจะขออะไร
    เราซักอย่าง
    .ยืน 2 ขา หูตั้ง : เจ้าตัวน้อยกำลังต้องการฟัง หรือสนใจอะไรบางอย่างเป็นพิเศษ
    วิ่งไปวิ่งมา กระโดดๆ ที่รอบกรง : อย่างออกมาเที่ยวข้างนอกหรือกำลังเรียกร้องความสนใจเรา
    เอามือจับอาหารเข้าปาก : เจ้าตัวน้อยกำรังกินอาหาร ซึ่งเป็นวิธีการของเจ้าตัวน้อยที่จะเอาอาหารเข้าปากทำความสะอาดตัว : เจ้าตัวน้อยชอบไซร้ขนเพื่อทำความสะอาดตัว ส่วนบริเวณหัวจะเอามือแปะน้ำลายแล้วป้ายๆเพื่อทำ
    ความสะอาดบริเวณหัว
    ปีนป่าย : เจ้าตัวน้อยชอบปีนนั่นปีนนี่ เพื่อหาทางที่จะออกมาเที่ยวข้างนอกนอนหลับ : เจ้าตัวน้อยมักมีท่านอนแบบแปลกๆ ซึ่งจะแตกต่างกันไป ดูแล้วก็น่ารักน่าเอ็นดูงัวเงีย : เจ้าตัวน้อยพึ่งตื่นนอนมักทำตาปรือๆ หูจะลูไปด้านหลัง ถ้าเราไปแหย่มันตอนนี้มีหวังโดนกัดแน่ๆ เลยยอมแพ้หรือกลัว : เจ้าตัวน้อยมักจะนอนหงายท้องและร้องเสียงดังๆ หรือร้องขู่ฟ่อๆ บางตัวอาจกัดฟันดังกึกๆ ถ้ามันกำลัง
    โมโหจัดๆ
    ตะปบ : เจ้าตัวน้อยสายพันธุ์ Campbell มักมีสัยเอาเท้าหน้ามาตะปบๆ ที่มือของเราเมื่อเอามือแหย่เข้าไปเล่นกับมันดมกลิ่น : เจ้าตัวน้อยตัวเก่าที่เป็นเจ้าของกรงมักจะชอบเข้าไปดมกลิ่นของเจ้าตัวน้อยตัวใหม่ที่เราปล่อยให้เข้าไปในกรง
    ของมัน เพื่อพิสูจน์ว่าเป็นมิตรหรือเป็นศัตรู
    เล่นกัน : เจ้าตัวมักชอบหยอกล้อเล่นกัน บางทีหยอกกันแรงๆ จนกัดกันก็มีผสมพันธุ์ : เจ้าตัวน้อยตัวผู้จะเข้าไปดมก้นตัวเมียก่อน และเลียที่อวัยวะเพศของตัวเมีย หากตัวเมียไม่ยอมมันจะหงาย
    ท้องและร้อง แต่ถ้าตัวเมียยอมมันจะยกก้นขึ้นให้ตัวผู้ทับ
    ทำรัง :
    เจ้าตัวเมียจะคาบทิชชูแล้วพยายามกัดทิชชูให้เป็นฝอยๆ แล้วทำรัง โดยรังลักษณะมีรูตรงกลาง
    ให้นมลูก : เจ้าตัวน้อยนอนครอบลูกโดยให้ลูกอยู่ข้างล่าง เพื่อให้ลูกดูดนมได้ทั่ว





    โรคหนูแฮมเตอร์

     

    ขนร่วง การที่หนูแฮมสเตอร์ขนร่วงก็อาจจะมีสาเหตุมาจาก กรงไม่สะอาด อากาศร้อน อับชื้น หรือเกิอจากมีอายุมาก
    หรือเครียดมากๆ
    .วิธีดูแลเบื้องต้น.ใช้เยนเซี่ยนไวโอเล็ต (ที่ทาปากเด็ก สีม่วงๆ ขวดละ 8 บาท) ทาทุกเช้าเย็น อาการจะดีขึ้น
    ทาบิเวณรอบๆแผลที่มีขนด้วยกันลาม การที่หนูขนร่วงไม่เป็นเรื่องร้ายแรงแต่ถ้าปล่อยไว้ไม่รีบรักษา อาจจะลามได้

     โรคหางเปียก เกิดจากอาหารเป็นพิษ บวกด้วยอากาศร้อน และความไม่สะอาด หรือเกิดการเครียดมากๆ เช่น เปลี่ยน
    ที่อยู่ใหม่ อาการของโรค จะเริ่มต้นที่ท้องเสียก่อน และจะหนักขึ้นเรื่อยๆ จนกลายเป็นโรคหางเปียก ลักษณอาการนั้นจะทำให้หนูขาดน้ำ
    กนอาหารไม่ได้ และก็เสียชีวิตในที่สุด


    โรคท้องเสีย อาการของโรคท้องเสียก็เหมือนหรือคล้ายๆกับโรคหางเปียก


    โรคเนื้องอก เป็นอีกโรคหนึ่งถ้าไม่พาไปหาหมอแล้วอาจจะถึงกับตายได้ โรคนี้มักเกิดกับหนูที่มีอายุมาก หรือมีลูกบ่อย
    หลายคอกติดๆ กัน อาการของโรคนี้จะเป็นก้อนเนื้อแข็งๆ เป็นก้อนกลมๆ อยู่ที่ใต้ท้อง / โคนขา หรือตรงนม ก้อนเนื้อที่โผล่ออกมา
    สามารถเห็นได้ชัดเจน


    ขี้เรื้อน โรคนี้คล้ายๆกับเป็นรังแค เหมือนกับหนังที่แห้งและลอกออกเป้นแผ่นๆ เกิดจากอากาศร้อน ขี้เลื่อยไม่สะอาด
    หรือสภาพร่างกายไม่สมบูรณ์ โรคนี้มักจะเกิดกับหนูที่อายุน้อยๆ ประมาณ2 อาทิตย์กว่าๆ -1 เดือน
    สังเกตุอย่างไรว่าแฮมสเตอร์ป่วยแฮมสเตอร์เป็นสัตว์ที่ไม่ค่อยป่วย อาการที่บงบอกว่าแฮมสเตอร์ป่วย ได้แก่

    1.นอนมากเกินปกติ ยกเว้นในแฮมสเตอรที่แก่แล้ว
    2.ไม่ค่อยทำความสะอาดตัวเอง ตัวค่อนข้างสกปรก ขนค่อนข้างยุ่ง
    3.ซึมเศร้า
    4.หงุดหงิดง่าย และมักหางเปียก
    5.ท้องเสีย
    6.ขนร่วงมีน้ำมูกน้ำตาไหล หรือเกาบ่อยเกินไป
    7.เดินกระเผลก
    8.มีบาดแผล
    9.ตาเจ็บ มีขี้ตา ลืมตาไม่ขึ้น
    10.ผอมหายใจลำบาก





    วันอังคารที่ 18 มกราคม พ.ศ. 2554

    วิธีการเลี้ยงหนูแฮมเตอร์

        อาหารหลักที่ควรให้แฮมสเตอร์ คือ ธัญพืชโดยจะโปรยอาหารลงบนพื้นก็ได้เพราะแฮมสเตอร์ไม่มีนิสัยชอบก้มกิน มันจะชอบหยิบอหารออกมากินนอกภาชนะมากกว่า โดยใช้เท้าหน้าจับอาหารกิน แต่การใช้ภาชนะมีข้อดี คือจะทำให้เราได้รู้ว่ามันเอาอาหารออกไปกิน มากน้อยแค่ไหน ถ้ามันป่วยเราก็รู้ได้ นอกจากนี้ การใส่ภาชนะยังทำให้อาหารและขี้เลื่อยไม่ปะปนกันทำให้การเปลื่ยนขี้เลื่อยทำได้ง่ายโ
    ยไม่ต้องทิ้งอาหารที่ปนกับขี้เลื่อย
    สิ่งที่ควรทราบในการให้อาหารแฮมสเตอร์

    1. อย่าให้ผักสด หรือผลไม้สดบ่อยๆหรือมากเกินไป การให้ผักสดควรให้แค่สัปดาห์ละครั้งเพราะอาจจะทำให้แฮมสเตอร์ท้องอืด หรือท้องเสียได้และหากมันกินไม่หมดควรจะเก็บทิ้งทันที

    2. พยายามอย่าเปลื่ยนอาหารแบบทันทีทันใด ควรจะค่อยๆ เปลื่ยนอาหารโดยเอาอาหารเก่า ผสมกับอาหารใหม่ และเพิ่มอัตราส่วนอาหารใหม่ให้มากขึ้นเรื่อยๆ จนแทนที่อาหารเก่าในที่สุด อย่าเปลื่ยนแบบฉับพลัน

    3. อาหารที่ควรหลีกเลื่ยงช็อคโกแลต โดยเฉพาะ Dark Chocolate เพราะมีสาร Theobromine ซึ่งเป็นพิษต่อแฮมสเตอร์ได้

    4. หลีกเลื่ยงผักผลไม้ ที่มีรสเปรี้ยวๆ เช่น มะนาว ส้ม สับปะรด เป็นต้น

    5. เราอาจจะเสริมโปรตีนให้กับแฮมสเตอร์ได้ โดยการให้อาหารเม็ดของแมวหรืออาหารสุนัขที่เป็น บิสกิต ใส่ลงไปได้บ้างเล็กน้อย ซึ่งช่วยเสริมโปรตีนและยังช่วยลับฟันแฮมสเตอร์ไม่ให้ยาวเกินไปอีกด้วย

    6. อาหารที่ไม่ปลอดภัยสำหรับแฮมสเตอร์ ได้แก่ หัวหอม มันฝรั่งดิบ กระเทียม น้ำอัดลม ลูกกวาด เป็นต้น

    7. หลีกเลี่ยงอาหารที่แหลมคม หรือ เหนียวหนืด

    8. ขนมหรืออาหารหวานๆเพราะแฮมสเตอร์แคระมีความเสี่ยงต่อการเป็นโรคเบาหวานได้

    9. หลีกเลี่ยง อาหารเม็ดของกระต่าย เพราะบางชนิดใส่สารอาหารบางอย่างที่ช่วยกระตุ้น การเจริญเติบโตในกระต่าย แต่เป็นอันตรายต่อแฮมสเตอร์

    10. หลีกเลี่ยงผักผลไม้ที่มีกลิ่นฉุน เช่น กระเพรา

    อาหารเสริมอื่นๆ

    ไข่

    หนูแฮมสเตอร์ชอบกินไข่ต้มที่ต้มสุก และไข่ต้มยังมีโปรตีนสูงอีกด้วยโดยเฉพาะในแม่แฮมสเตอร์ที่กำลังตั้งครรภ์ แต่ไม่ใช่ว่าให้ตลอด นานๆ ให้ทีถ้ากินไม่หมดต้องเก็บออกให้หมด

    น้ำมันตับปลา

    น้ำมันตับปลาจะอุดมไปด้วยวิตามิน A และ D ใช้โดยการหยดเพียงไม่กี่หยดลงบนเมล็ดพืชก็ได้สามารถให้ได้เพียงสัปดาห์ละครั้ง อาจจะให้อาหารเม็ด สำหรับสุนัขที่มีส่วนผสมของน้ำมันตับปลาก็ได้

    เนื้อ

    เรื่องการให้เนื้อเป็นอาหารแก่แฮมสเตอร์นั้น เป็นเรื่องที่ผู้เลี้ยงทั้งหลายต่อต้านกันมานาน เพราะเชื่อว่า อาหารประเภทเนื้อจะกระตุ้น ให้แฮมสเตอร์ดุร้าย แต่ก็มีรายงานจากผู้เลี้ยงหลายๆ คนซึ่งให้เนื้อเป็นอาหารเป็นประจำว่าไม่มีการก้าวร้าวผิดปรกติแต่อย่างใด โกยอาจจะให้เป็น เนื้อวัวชิ้นเล็กๆ หรืออาจจะให้อาหารสุนัขที่บรรจุกระป๋องก็ได้

    นม

    อาจจะให้ได้บ้าง โดยเฉพาะแม่หนูที่กำลังท้อง หรือ อาจจะให้เป็นนมอัดเม็ดก็ได้

    อาหารนกผสม

    สามารถจะให้อาหารเม็ด เช่น เมล็ดพืชสำหรับนกก็ได้โดยให้สัปดาห์ละครั้ง

    การผสมพันธ์
    แฮมสเตอร์เป็นสัตว์ที่มีอายุขัยสั้น มันจึงต้องแพร่พันธุ์เพื่อดำรงเผ่าพันธุ์ อย่าผสมข้ามพันธุ์แฮมสเตอร์หากท่านยังไม่พร้อม สำหรับชีวิตน้อน ๆ อีกหลาย ๆ ชีวิตที่กำลังจะเกิดขึ้นมา ท่านมีกรงให้พร้อมหรือไม่ท่านมีเวลาเพียงพอสำหรับมันหรือไม่

    โปรดศึกษาแฮมสเตอร์ให้เข้าใจก่อนผสมพันธุ์ เพื่ิอให้ลูกที่เกิดออกมาแข็งแรงและไม่มีข้อบกพร่องทางพันธุ์กรรม

    SYRAIN

    Syrain เป็นแฮมสเตอร์ที่รักสันโดษ หากเราปล่อยให้ Syrainหลาย ๆ ตัวอยู่ด้วยกันมันมักจะกัดกัน ดังนั้นการจับคู่ Syrain เพื่อการผสมพันธุ์นั้น เราจำเป็นต้องระวังมาก ๆ

    Syrain เพศเมีจะเป็นฮีทในทุกๆ 4 วัน ในการผสมพันธุ์ต้องเตรียมรังไว้ให้ก่อนโดยการใส่วัสดุปูพื้นใหม่ลงไป และหลังจากนั้นใส่วัสดุตัวผู้ลงไปก่อนและปล่อยให้ตัวผู้เดินไปมาและสร้างกลิ่นก่อนสั
    พักหลังจากนั้นจึงค่อยใส่ตัวเมียลงไป หากตัวเมียต่อต้าน ไม่ยอมรับการผสมพันธุ์โดยการจู่โจมหรือการเข้าทำร้ายตัวผู้ ให้รีบแยกตัวตัวเมียออกก่อนที่จะมีตัวใดได้รับบาดเจ็บ ทั้งนี้หากแฮมสเตอร์ตัวเมียไม่ได้เป็นฮีท มันก็อาจจะไม่ยอมรับการผสมจากตัวผู้และอาจจะทำร้ายตัวผู้ได้

    หลังจากนั้นอีก 2-3 วันให้ทดลองใหม่อีกครั้ง หากแฮมสเตอร์ตัวเมียเมื่อปล่อยลงไปแล้วยืนอยู่นิ่ง ๆ และเหยียดขาตรง ยกหางชี้ขึ้นแสดงว่าตัวเมียยอมรับการผสมพันธุ์ หลังจากนั้นปล่อยให้แฮมสเตอร์ผสมพันธุ์กันประมาณ 20 นาทีและแยกแฮมสเตอร์ออกจากกัน เพราะหากปล่อยตัวผู้ไว้กับตัวเมียนานเกินไป ตัวเมียอาจจะตัดสินใจกำจัด หรือทำร้ายตัวผู้ได้ หลังจากนั้น 16-18 วันหากผสมติด เราจะได้ลูกแฮมสเตอร์สีชมพูอยู่ในกรง

    การเลือกซื้อหนู

    ควรเลือกซื้อแฮมสเตอร์ในช่วงเวลาเย็น ๆ เพราะแฮมสเตอร์จะนอนในเวลากลางวันจะงัวเงีย ทำให้ดูยาก เวลาป่วยหรือไม แต่ถ้าเป็นช่วงเวลาตอนเย็น มันจะคึกคักทำให้ดราเลือกได้ง่ายกว่า และเปรียบเทียบได้ง่ายขึ้นระหว่างตัวที่ซึม เพราะป่วยและตัวที่ไม่ป่วย

    เลี้ยงหลายตัวได้หรือไม่

    อาจจะเลี้ยงแฮมสเตอร์มากกว่า 1 ตัวในกรงเดียวกันได้ แต่ขึ้ยอยู่กับพันธุ์ของแฮมสเตอร์ด้วยถ้าเป็นแฮสเตอร์แคระแล้วหล่ะก็ มันเป็นสัตว์สังคมพอสมควรสามารถจะเลี้ยงด้วยกันได้หากเลี้ยงไว้ด้วยกันตั้งแต่เล็ก มักไม่ค่อยมีปัญหาทะเลาะกันแต่ไม่ควรเลี้ยงแฮมสเตอร์ต่างสายพันธุ์ไว้ด้วยกัน เพราะนิสัยจะแตต่างกันจะทำให้มัเครียดและอาจจะกัดกันจนตายได้ หรือเกิดปัญหาจาการผสมข้ามพันธุ์

    อย่าใส่ถุงกระดาษกลับบ้าน ถ้าต้องการเดินทางนาน ๆ

    เวลาที่เราซื้อแล้ว ร้านขายสัตว์เลี้ยงอาจะเอาแฮมสเตอร์ใส่กล่องหรือถุงกระดาษนำกลับบ้่าน แต่ถ้าเราต้องใช้เวลาเดินทางนานแฮมสเตอร์อาจจะแทะทะลุถุงกระดาษออกมาและหลบหนีได้ เราจะขอให้ผู้ขายเปลื่ยนจากถุงกระดาษมาใส่ภาชนะพลาสติกแทน

    ควรจะเลือกแฮมสเตอร์ที่สุขภาพดี

    แฮมสเตอร์ควรจะสะอาด ขนสะอาด ไม่มีอุจจาระเปื้อนหรือเหม็นผิดปรกติ และไม่ผอมผิดปรกติไม่ซึมไม่มีบาทแผลทั้งตัวและนิ้วเท้าหูต้องสะอาดท้งด้านในและด้านน
    ก ตาต้องสดใสและสะอาด

    ควรจะเลือกแฮมสเตอร์ที่อายุระหว่าง 4-7 สัปดาห์
     





    อาหารของหนูแฮมเตอร์

                                                               เมล็ด ฮวยมั้ว
    ธัญพืชชนิดนี้ เป็น อาหารที่หนูแฮมสเตอร์ชอบกิน แต่ยังไงก็จะแนะนำ
    อีกที เจ้าสิ่งนี้จะมีลักษณะเป็นเม็ดกลมๆแป้นๆ สีก็ตามในรูปเลย และก็ยังเป็นสิ่งที่
    หนูแฮมสเตอร์ชอบกินด้วย แต่ถ้าผสมแล้วไม่ควรใส่ผสมเยอะ เพราะว่าเจ้าตัวนี้มีไขมันมาก
    กว่าอาหารอื่นๆ อาจจะมากหรือ พอๆกับเมล็ดทานตะวันเลยก็ว่าได้ ยังไงก็อย่าผสมเยอะ 
                                                               


    เมล็ดทานตะวัน
    เมล็ดทานตะวันแบบนี้เป็นแบบที่หนูแฮมสเตอร์ชอบกินมาก อาจจะเป็นเพราะว่าแกะง่ายหรือ
    รสชาติอร่อย อันนี้ก็ไม่แน่ใจ แต่รับรองว่า หนุแฮมนั้นชอบแน่ๆ ยังไงถ้าเพื่อนๆจะผสม
    อาหารก็แนะนำตัวนี้ หรือผสมหลายๆตัวก็ดี







      อาหารแมว
    อาหารแมวก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่หนูแฮมสเตอร์ชอบกินนะ แต่ทั้งนี้ก็อยู่ที่แต่ละชนิดด้วย
    ส่วนชนิดที่ชอบกินนั้นก็ต้องแล้วแต่นิสัยของหนูเค้าหละ ยังไงเพื่อนๆลองเปลี่ยนอาหารแมวที่
    นำมาผสมดู แล้วก็จะเจอชนิดที่ เจ้าหนูนั้นชอบ และยังช่วยให้หนูแฮมสเตอร์ไม่ต้องมากิน
    อาหารที่จำเจ และ แก้ปัญหาการเบื่ออาหารอีกด้วย 





                                                                   ข้าวไร / ข้าวชนิดต่างๆ
    ข้าวซึ่งสำหรับคนแล้วนั้นเป็นอาหารหลักก็ว่าได้ และสำหรับหนูแฮมสเตอร์ ก็ชอบอยู่เหมือนกัน
    ซึ่งข้าวนั้นก็มีหลายชนิดอยู่เช่นกัน อาทิ ข้าวไร , ข้าวโอต , ข้าวเม็ดมะเขือ และอื่นๆ อีกมากมาย
    โดยที่ผมแนะนำนี้จะเป็นข้าวไรนะ โดยได้สังเกตพบว่า พบเปลือกของข้าวไร อยู่ในกรง
    ของหนูแฮมสเตอร์ มากมาย แต่อันนี้จะเป็นกับหนูของเพื่อนๆหรือป่าวยังไงก็ต้องลองดูนะ